ส่งการบ้านค้างเก่า...ทริปจักรยาน @ ส่งท้ายปีเก่า
เฮะ เฮะ...ต้องมาออกตัวอย่างอาย ๆ ทริปจักรยานค้างเก่าตั้งแต่ปีที่แล้ว (31 ธันวาคม 2550) ไม่ได้นำภาพมาฝากกัน
พอถึงตอนนี้มีภาพหลายชุดอยากจะนำมาฝาก จึงต้องเริ่มจากการบ้านค้างเก่านานนนน
ช่วงวันหยุดปีใหม่ ได้หอบน้องหมาโค้กกับสไปรท์จากบ้านของมะจังไปบ้านแม่ที่อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี...นอนอืดอยู่ 2 วัน (ที่อืดเพราะสั่งกับข้าวไว้หลายอย่าง ต้องกินให้หมดตามออเดอร์ ไม่งั้นคราวหน้าอย่าหวังว่าจะได้ออเดอร์อีก) พอวันที่สามก็ประกอบเจ้าสีเงินคู่ขาที่ใส่ท้ายรถไปด้วย ออกมาตั้งใจไปปั่นลดความอืดสัก 70-80 กม.
ออกจากอำเภอโป่งน้ำร้อนมุ่งหน้าเข้าตัวอำเภอเมืองจังหวัดจันทบุรีครับ...เส้นทางนี้คือทางหลวงสาย 317 หรือ สายจันทบุรี-สระแก้ว ขาไปฉลุย...ลงเขาตลอดเส้นทาง
ก็แค่ระวังอย่าปล่อยให้เร็วมากจนแหกโค้งตกเขาก็แล้วกัน
ความที่กลัวตกเขาก็เลยมีแต่ภาพหลังจากลงเขามาแล้วมาฝาก ผ่านมาได้ประมาณ 25 กม. ก็ถึงทางแยกเข้าอำเภอมะขาม เลี้ยวเข้าไปเลย
อำเภอมะขามเป็นอำเภอที่ไม่ค่อยจะมีชื่อเสียงโด่งดังนัก หากพูดถึงจังหวัดจันทบุรี ใคร ๆ ก็จะนึกถึงอำเภอชายทะเลอย่างอำเภอแหลมสิงห์ อำเภอท่าใหม่ หรือไม่งั้นก็ขึ้นภูเขาไปเยี่ยมเยียนอำเภอสอยดาวไปเลย...แต่ที่จริงแล้วอำเภอมะขามเป็นอำเภอที่มีพื้นที่กว้างใหญ่มาก
ผ่านป้ายนวดแผนไทยกันแล้ว แต่ไม่ได้แวะนวดนะครับ...เส้นทางนี้เป็นเส้นทางผ่านตัวอำเภอมะขาม ซึ่งคู่ขนานกันไปกับเส้นทางจันทบุรี-สระแก้ว เป็นทางไม่ใหญ่ การจราจรไม่พลุกพล่าน และรถวิ่งไม่เร็ว รวมถึงสองข้างยังร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่ และบึงน้ำอีกด้วย
จริง ๆ ตั้งใจมาที่นี่...เฮะ เฮะ บอกอย่างอาย ๆ อีกเหมือนกันว่าไม่เคยมา "วัดนักบุญยอห์น อัครสาวก" หรือที่ชาวคาธอลิคจันทบุรีเรียกง่าย ๆ ว่า "วัดมะขาม"
เป็นวัดเล็ก ๆ สงบเงียบ เนื่องจากประตูปิด จึงไม่มีโอกาสได้เข้าไปภายใน
ถ้ากลับตอนนี้ถึงบ้านก็แค่ 60 โลฝ่า ๆ เอง ไปต่ออีกหน่อยก็แล้วกันน่า
ว่าแล้วก็ปั่นต่อไปจนถึงตัวเมืองจันทบุรีครับ...ไม่รู้จะไปไหนดี ไหน ๆ เข้าวัดแล้ว ก็เข้าต่ออีกวัดนึงเลยก็แล้วกัน ไม่ค่อยจะมีภาพวัดคาธอลิคมาฝากกันบ่อยนัก
ไปถึงวัดคาธอลิกจันทบุรีแล้วหิวพอดี ต้องทานที่นี่ ร้านชื่อดังของเมืองจันท์ "ก๋วยเตี๋ยวเลียง ร้านเจ๊นา"
" เปิดขาย 8.00-15.00 น. ทุกวัน
ก๋วยเตี๋ยวเลียงร้านนี้ คนเมืองจันท์เขาเรียก "ก๋วยเตี๋ยวเจ๊นา" อยู่ตรงหน้าวัดโรมันคาธอลิก ใกล้ ๆ กับโรงเรียนสตรีมารดาพิทักษ์ ขายมาประมาณ 35 ปีแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้วัฒนา นิรันด์พงศ์ซึ่งเป็นลูกชายจะรับช่วงดูแลกิจการต่อจากพ่อแม่ก็ตาม แต่ใคร ๆ ก็ยังเรียกก๋วยเตี๋ยวเจ๊นาอยู่
ความอร่อยของก๋วยเตี๋ยวเลียงเจ้านี้อยู่ที่น้ำซุปรสชาติหวานกลมกล่อม กรรมวิธีการทำน้ำปรุงของเขายังคงทำแบบเดิม คือใส่เครื่องเทศที่เรียกว่า "เครื่องต้มก๋วยเตี๋ยว" อันได้แก่ โป๊ยกั๊ก กระวาน กานพลู ใส่ลงไปต้มในน้ำซุป ปรุงรสด้วยน้ำตาลอ้อย น้ำซุปจึงหวานหอม กลมกล่อมถูกใจลูกค้า
ส่วนเนื้อวัวที่ใช้ เจ๊นาเลือกใช้เฉพาะเนื้อน่องมาทำเนื้อเปื่อย หั่นเป็นชิ้นใหญ่ ๆ วางเรียงมาในชามก๋วยเตี๋ยว ยังใส่เครื่องในสดพวกตับ หัวใจ และลิ้นวัวด้วย โดยเฉพาะลิ้นวัว ลูกค้าจะชอบเป็นพิเศษเพราะมันนุ่ม เคี้ยวหนึบหนับดี เครื่องเคราอีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือลูกชิ้นเนื้อวัว ซึ่งซื้อจากค้านลูกชิ้นเนื้อเจ้าดังของเมืองจันท์
เดิมทีก๋วยเตี๋ยวเลียงเฉพาะก๋วยเตี๋ยวเนื้อเท่านั้น มาภายหลังลูกค้าบางคนไม่นิยมกินเนื้อ จึงทำก๋วยเตี๋ยวหมูเลียงเพิ่มขึ้นด้วย แต่ไม่มีเครื่องใน
เครื่องปรุงรสที่จะช่วยให้ก๋วยเตี๋ยวเลียงอร่อยยิ่งขึ้นคือพริกตำ ร้านนี้ใช้พริกขี้หนูตาละเอียด ผสมน้ำส้มสายชู เกลือ และน้ำตาลอ้อย ให้รสชาติเผ็ด เปรี้ยว และหอมหวาน
ลองกินก๋วยเตี๋ยวเลียงเมืองจันท์ร้านนี้ดู จะได้รู้ว่ารสชาติอาหารของดีที่นี่เป็นอย่างไร และไม่เป็นการเสียเที่ยวที่อุตส่าห์มาถึงจันทบุรี
(ข้อมูลจากหนังสือ เที่ยวไปกินไป จันทบุรี)"
ผมไม่ได้เก็บภาพร้านเจ๊นาและก๋วยเตี๋ยวมาฝากครับ...มัวแต่อร่อยจนลืม
อิ่มแล้วก็เดินเที่ยวแถว ๆ นั้น มีเรื่องราวน่าสนใจหลายเรื่อง
บ้านแบบนี้เค้าเรียกว่า "บ้านโบราณลายขนมปังขิง" ยังพอมีเหลือให้ดูอยู่อีกหลังสองหลัง แต่ชอบเรียกว่า "เรือนลูกไม้" มากกกว่า ก็ไม่รู้จักนี่ครับว่าลายขนมปังขิงมันเป็นอย่างไร แต่คิดว่าลายฉลุบนไม้เหมือนกับลายฉลุบนผ้าลูกไม้ที่ใช้ทำระบายผ้าม่าน ชายเสื้อ ชายกระโปรงมากกว่า
จากตรงนั้นอีกนิดเดียว ก็เป็นสะพานข้ามแม่น้ำจันทบุรี ฝั่งตรงข้ามเป็นย่านชุมชนคนจีนเก่าเรียกว่า "ท่าหลวง" เป็นห้องแถวไม้แบบโบราณ ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายว่าเคยมีไฟไหม้ใหญ่ครั้งหนึ่งทำให้ห้องแถวแบบนั้นเสียหายไปมาก และป่านนี้ก็คงเป็นตึกแถวไปหมดแล้วมั้ง
ตอนที่ครอบครัวเราย้ายไปอยู่ที่จันทบุรีใหม่ ๆ เราเคยพักอยู่กับญาติคนหนึ่งที่บริเวณท่าหลวงนี่อยู่เกือบ 1 ปี ตอนกลางคืนจะมีภาพยนต์กลางแปลงมาฉาย โดยตั้งจอขวางเต็มกลางถนน บางคืนก็มีงิ้ว ตั้งเวทีขวางเต็มถนนเช่นกัน เราจะนอนเอาหัวมุดออกมาจากระเบียงบ้านมาดูจนปวดคอ
และอีกหนึ่งความทรงจำก็คือ ทุกเช้า-เย็นเราจะต้องข้ามแม่น้ำจันทบุรีตรงนี้เพื่อไปขึ้นรถโรงเรียนที่มารับ-ส่งจากหน้าวัดคาธอลิค ตอนโน้นนนนน (แปลว่านานมาก นานแค่ไหนห้ามถาม ) ยังไม่มีสะพานหรอกครับ...ใช้เรือแจวเป็นพาหนะในการข้ามแม่น้ำสายนี้
ค่าเรือแจวแค่คนละสลึงเดียวเอง...นานแค่ไหน คิดดู หุ หุ หุ
ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน...แม่น้ำจันทบุรีก็ยังคงเป็นสายชีวิตหล่อเลี้ยงชาวจันทบุรีอยู่ ถึงแม้ว่าจะไหลเอื่อย หรือแห้งขอดเป็นบางช่วงในหน้าแล้ง และไหลหลากท่วมท้นสองฝั่ง ท่วมตัวเมืองในหน้าน้ำก็ตาม
จากสะพาน..กลับหลังหัน จะมองเห็น "โบสถ์แม่พระปฏิสนธินิรมล" หรือ วัดคาธอลิคจันทบุรีอยู่เบื้องหน้า ขวามือคือบ้านลายขนมปังขิง และซ้ายมือคือร้านก๋วยเตี๋ยวเจ๊นา"โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2448 ในยุคของบาทหลวงเปรีกาล ชาวฝรั่งเศส เป็นการสร้างแบบทรงศิลปะก่อสร้างที่เรียกว่า "โกธิก" เป็นการลอกเลียนแบบมาจากทางยุโรปในยุคที่เรียกว่า สถาปัตยกรรมโกธิกนั่นเอง
ภายในโบสถ์เป็นห้องโถงโล่งสูง ประดับด้วยกระจกสีแบบตะวันตกที่เรียกกันว่า สเตนกลาส เป็นรูปนักบุญและลวดลายหลายหลากชนิด ดูสวยงาม ขรึม ขลัง แต่อบอุ่นอยู่ในที
(ข้อมูลจาก หนังสือเที่ยวไปกินไป จันทบุรี)"
เข้าไปชมภายในโบสถ์กันเลยครับ
บรรยากาศจากค่ำคืนคริสต์มาส
หน้าต่างกระจกสี
ภาพจากประตูทางเข้าด้านหน้า และบันไดเวียนขึ้นชั้นลอย...และกำลังจะเป็นทางออกของเรา เพื่อไปลุยบนหลังอานกันต่อออกจากตัวเมืองจันทบุรีเราก็ใช้เส้นทางเดิม สายจันทบุรี-สระแก้วเป็นเส้นทางปั่นกลับ โดยไม่ผ่านเข้าตัวอำเภอมะขามดังเช่นขามา...แต่เรื่องราวไม่ง่ายดายอย่างขามา
ในเมื่อขามาเป็นเส้นทางลงเขา ขากลับก็ต้องเป็นเส้นทางขึ้นเขา...แถมยังทวนลมตลอด 40 กม. กว่า ๆ อีกด้วย....ดูทางลมได้จากดอกหญ้าริมทาง ลมพัดจากซ้ายไปขวา แล้วนึกภาพดูว่าผมต้องปั่นสวนทางขึ้นไป จากขวาไปซ้าย โฮ โฮ โฮ
ก้มหน้ามองพื้นหลบลมยังไม่พอ...เงยหน้ามองฟ้าสิครับ ไม่มีเมฆเลยแม้แต่นิดเดียว
ภาพนี้ได้มาจากศาลาชาวบ้านที่พักริมทาง...มีโมบายล์เปลือกหอยแขวนไว้ให้นอนดูเล่น เอ๊ย..แขวนไว้เล่นลมสวย ๆ ด้วย แหม...เกือบหลับไปแล้วสิเรา สบายมากไปแล้ว...ไปลำบากต่อดีฝ่า
ฉากต่อไป ปีนเขา ชื่อเขาเกลือ ก็เขาที่พุ่งลงมาตอนขามานั่นแหละ...ระยะทางไต่ขึ้นเขาแค่ 3 กม. เอง
ไปกลับรวมระยะทาง 90 กม. พอดิบ พอดี กว่าจะถึงบ้านแทบแย่...รู้งี้เชื่อแม่กลับซะตั้งแต่แรกก็ดีหรอก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น