นานแล้วที่เจอพวกเขา แต่ทุกวันนี้ ผมยังจดจำท่วงท่าที่พวกเขาถีบจักรยานไปด้วยกัน เธอเป็นฝ่ายนำหน้า เขาตามห่างสักสามสี่เมตรโดยเบี่ยงรถเยื้องออกขวาเล็กน้อยเพื่อป้องกันรถจากด้านหลัง เวลาที่เห็นหลุมบ่อเล็ก ๆ บนพื้นถนน เธอจะละมือจากแฮนด์รถมาไว้เคียงสะโพก สะบัดปลายนิ้วนิด ๆ เหมือนปลาสะบัดครีบ เป็นรหัสให้รับรู้ เวลาจะเลี้ยวขวา เขาเป็นคนมองหลังและให้สัญญาณมือ เมื่อนั้น เธอจึงเลี้ยว นำไป
ผมมองหา แม้ไม่เห็นความไม่พร้อม แต่ก็เชื่อแน่ว่ามี
ดูพวกเขาอย่างเพลิดเพลิน ในบางนาที ผมไม่นึกด้วยซ้ำว่าสองคนนั้นกำลังถีบรถ แต่เหมือนเคียงกันไปบนถนนของชีวิตมากกว่า เช่นนี้ ใครเล่าจะเหนื่อยหรือหมดแรง เพียงครู่เดียว พวกเขาก็ลิ่วไปไกล ปล่อยให้จักรยานเดียวดายสะโหลสะเหลตามไปห่าง ๆ และห่างออกไปทุกที
บอกแล้วไงว่า บางครั้ง อุปสรรคของการถีบรถทางไกล ก็ไม่ได้อยู่ที่ความอ่อนแอของกล้ามเนื้อขา แต่อยู่ที่ความอ่อนล้าของกล้ามเนื้อหัวใจ
(คนรักกับจักรยาน โดยบินหลา สันกาลาคีรี)
(มิคกี้กับเขียวจัง ปั่นจักรยานไปวิ่งที่เขื่อนคลองท่าด่าน)
อ่านถึงตรงนี้แล้ว ผมก็นึกถึงครั้งที่ปั่นจักรยานเดียวดาย กับวันที่มีคนปั่นจักรยานตามหลัง และช่วงเวลาที่ปั่นจักรยานเคียงข้างกัน...
ให้บินหลา สันกาลาคีรีมาบรรยาย คงไม่อาจเทียบเคียงจินตภาพในความทรงจำ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น