25 ตุลาคม 2551

ขอแค่น้ำใจ

(เถาตำลึงที่บ้านคลองสี่ หลังฝนตก)



งานวิ่งเที่ยงคืนการกุศลเป็นงานที่ชอบไปวิ่งมากที่สุดในระยะมินิมาราธอน
หลาย ๆ คนบอกว่า วิ่งบนถนน เหม็นกลิ่นควันรถ ต้องวิ่งแข่งกับรถยนต์ และอื่น ๆ อีกมากมาย
แต่บนถนนสายนั้น มีอะไรมากกว่ากลิ่นควันและไอร้อนจากรถยนต์เหล่านั้น

หุ หุ ไม่ใช่ชุดนุ่งน้อยห่มน้อยของสาว ๆ ผู้ใช้เวลาทำมาหากินยามค่ำคืนเหล่านั้น และไม่ใช่เสน่ห์ของหนุ่ม ๆ นักท่องเที่ยวยามราตรีด้วยเช่นกัน แต่เป็นเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นท่ามกลางพวกเขาเหล่านั้นต่างหาก

พวกเขาเหล่านั้น...รวมความถึงผู้คนมากมาย หลากสีผิว เชื้อชาติ และการแต่งกาย ซึ่งอยู่อาศัย ทำมาหากิน และสัญจรอยู่ตามเส้นทางที่เราก้าวผ่าน

ชายผิวสีกลมกลืนกับเวลาเที่ยงคืนกว่า ๆ ตัดกับฟันขาวเรียบ ปรบมือและกระทืบเท้าเป็นจังหวะ รับกับเสียงตะโกน “Go Go Go” “Go Go Go” อยู่ข้าง ๆ ผู้หญิงผมดำซึ่งมีสีหน้าเบื่อหน่ายอย่างเห็นได้ชัดอยู่ตรงหัวมุมถนน

เธออาจจะอยากข้ามถนน...แต่ต้องคอยขบวนนักวิ่งผ่านไป
เขาอาจจะคุ้นเคยกับนักวิ่งในประเทศของเขา...แต่ไม่เคยเห็นการวิ่งใจกลางเมืองยามค่ำคืน
เธออาจจะ...
เขาอาจจะ...
ไม่รู้

คนขับสามล้อเครื่องหน้าโรงแรมกำลังวิ่งไปที่รถคู่ชีพ หลังได้ยินเสียงสัญญาณจากเพื่อน “ออกรถ” หันมายิ้มและบอก “วิ่งแข่งกันครับ”

แท็กซี่คันหนึ่ง กำลังเบนหัวออกมาจากการช่องทางจราจรที่ติดขัด แทรกเข้ามาระหว่างช่องว่างของกรวยสีส้มเพื่อเข้ามาในเลนซึ่งถูกกั้นให้เป็นเส้นทางวิ่ง นักวิ่งคนหนึ่งพุ่งไปตบที่ตัวรถส่งสัญญาณเตือน และวิ่งไปบอกอาสาสมัครผู้ดูแลการปิดการจราจร

แท็กซี่อีกคันหนึ่ง เลี้ยวปาดหน้ากลุ่มนักวิ่งเพื่อเข้าช่องการจราจรซ้ายสุดบริเวณหน้าป้ายรถเมล์ และสอดส่ายสายตาหาผู้โดยสาร และเลี้ยวปาดหน้านักวิ่งกลุ่มเดิมออกมาในเวลาไม่กี่วินาทีต่อมา

พวกเขาอาจจะรีบ...เพราะผ่านไปครึ่งคืนแล้วยังไม่มีผู้โดยสารเลย
พวกเราอาจจะรีบ...เพราะอยากทำเวลาให้ดี
พวกเขาอาจจะ...
พวกเราอาจจะ...
ไม่รู้

ไม่ว่าด้วยเหตุผลอันใด ต่างคนต่างต้องการเวลาและพื้นที่ของตัวเอง หากแต่ต่างฝ่ายต่างมีน้ำใจให้กันสักนิด เส้นทางนี้จะรื่นรมย์และน่าสัญจรมากกว่าที่เป็นอยู่มากทีเดียว

แค่โคจรมาพบกันเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้นเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น