จนผ่านเวลาอันเนิ่นนาน ในวันที่ไม่มีเหตุผล ไม่มีที่มาที่ไป ฉันก็ตรงดิ่งเข้าไปที่โรงเรียนสอนดำน้ำ และเริ่มต้นเรียน เรียน เรียน จนถึงวันที่จะได้มุดหัวลงไปใต้น้ำทะเลเป็นครั้งแรกพร้อมถังอากาศแบบเจมส์ บอนด์
คลื่นทะเลอ่าวไทยไม่ได้เรียบกริบแบบในสารคดี
น้ำทะเลพัทยาไม่ได้ใสแจ๋วอย่างในภาพยนตร์
กลุ่มนักเรียนดำน้ำที่ลงทะเลด้วยกันไม่ได้เก่งกาจสามารถแบบยอดสายลับ
บนผิวน้ำ คลื่นลมแรงจัด เหล่านักเรียนดำน้ำจับกลุ่มกันลอยคอเกาะสายทุ่น มีนักเรียนอยู่สองคนเกิดอาการ “กลัวน้ำ” ขึ้นกะทันหัน ไม่ยอมโดดลงจากเรือ จนพวกเราทนโต้คลื่นอยู่ไม่ไหวต้องฝ่าฝืนคำสั่งครูที่ให้คอย ค่อย ๆ ไต่สายทุ่นปล่อยตัวเองให้ค่อย ๆ จมลงใต้ผิวน้ำที่โยกโยนไปมา
ลึกลงไปเรื่อย ๆ ราวสิบกว่าเมตร ปลายฟินก็สัมผัสผืนทราย คลื่นใต้น้ำยังพัดรุนแรงจนตัวปลิว ฝุ่นทรายคละคลุ้งมองเห็นได้ในระยะไม่เกินสองสามเมตร สิ่งมีชีวิตข้าง ๆ ตัวนอกจากกลุ่มนักเรียนด้วยกันเองก็คือ หอยเม่น
หอยเม่นตัวดำสนิทโบกหนามแหลม ๆ นั้นไปมาอย่างไม่พอใจ
ดูช่างแตกต่างกับโลกสีครามที่เห็นในภาพยนตร์และสารคดีโดยสิ้นเชิง นั่นเป็นเพียงแค่ภาคแรก....
(ภาพจากใต้ท้องทะเลอันดามัน บริเวณหมู่เกาะสิมิลัน)
ภาคต่อมา และต่อ ๆ มานั้นน่าตื่นตาตื่นใจและรื่นรมย์ยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อชั่วโมงบิน (จริง ๆ แล้วต้องเรียกว่าชั่วโมงดำน้ำมากกว่า) สะสมตัวเลขมากขึ้นเรื่อย ๆ ทะเลอ่าวไทยแถวชุมพร ทะเลอันดามันอันงดงาม หรือแม้กระทั่งทะเลพัทยาที่ขุ่นคลั่กนั้นก็มีสิ่งละอันพันละน้อยที่งดงาม (บางตัวก็ไม่งามแต่แปลกประหลาด) ซุกซ่อนตัวอยู่ตามผืนทรายและกองขยะ
การล่องลอยหมุนตัวได้ 360 องศา ขึ้น-ลง ซ้าย-ขวา หน้า-หลัง หกคะเมนตีลังกาใส่เกลียว 3 รอบ ซอมเมอร์ซอลท์ชนิดที่นักยิมนาสติกเหรียญทองโอลิมปิกยังต้องอายก็ทำได้ง่ายดายเพียงแค่ลมหายใจและปลายเท้า
แค่นั้นจริง ๆ
การควบคุมการเคลื่อนไหวด้วยลมหายใจในปอดของตัวเองนั้นช่างน่าอัศจรรย์ใจ ความหลากหลายที่มองเห็นผ่านเลนส์สีครามนั้นช่างมีสิ่งน่ามหัศจรรย์มากมาย ไม่ใช่แค่ความตื่นเต้นแบบหนังสายลับ ไม่ใช่แค่สีสันสวยงามแบบสารคดี แต่มันมีอิสระบนเงื่อนไข และลี้ลับซับซ้อนชวนให้ศึกษาค้นหาเรียนรู้เพิ่มเติมเหมือนการจีบสาวงามบริสุทธิ์ขี้อายอย่างไงอย่างงั้นเลย...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น