เขาชะลอความเร็วรถ ชูนิ้วโป้งขึ้นด้วยท่วงท่าให้กำลังใจ ขณะตะโกนลั่น
“อีกร้อยเมตรเท่านั้น กัดฟันหน่อย คุณทำได้น่า”
ผมน้ำลายเหนียว ไม่ไม่แรงแม้ขยับปาก ที่ทำได้คือพยักหน้าขอบคุณ
วินาทีนั้นเองที่เสืออีกคันร่อนเหมือนนกป่าเปรียวถลาลงจากยอดเขา เธอร้องลั่นเมื่อเห็นรถเขาขวางทาง เสียงก้ามเบรกบีบขอบล้อจักรยานเหวี่ยงตัวเกือบจะหลุดจากโค้งถนน ยังดีที่มือของเธอมั่น เธอคุมรถได้หลังจากถากไถลไปราวสามสี่เมตร
เสี้ยวพริบตาที่ความสุขเกือบจะเป็นความเศร้า เขาทิ้งรถวิ่งไปหาเธอด้วยรู้ว่าตัวเป็นฝ่ายผิด เธอคุมรถไว้ได้แต่คุมอารมณ์ไม่อยู่ ต่อว่าเขาด้วยถ้อยคำรุนแรง จากเนื้อหานั้น ผมรู้ว่าพวกเขาเดินทางมาด้วยกัน รอนแรมและเรียนรู้กัน เป็นคู่รักกัน ในท่ามเสียงเอ็ดอึงที่ดังกว่าเสียงกรีดปีกของแมลงทั้งป่า ไม่รู่ทำไมผมถึงรู้สึกเสียใจไปด้วย
กว่าจะก้มหน้าก้มตาปั่นถึงยอดเนิน ผมต้องใช้เวลาอีกไม่น้อย แต่เมื่อเหลียวหลังมองก็ต้องแปลกใจ ไม่น่าเชื่อว่า บางครั้ง การถีบรถขาขึ้นก็ใช้เวลาน้อยกว่าขาลง
ชายหญิงคู่นั้นยังไปไม่ถึงไหน พูดให้ถูกคือยังไม่ได้ไปไหน ดูเหมือนขณะนี้ เป็นทีที่เขาหงุดหงิดกลับคืนบ้าง เสียงโวยวายแว่วมา จักรยานสองคันยังคงกองกับพื้นถนน คนสองคนยังอยู่ตรงนั้น แต่ความเข้าใจไปอยู่เสียที่ไหน ไม่มีใครรู้...
(คนรักกับจักรยาน โดยบินหลา สันกาลาคีรี)
(สีเงินในมาดรถทัวร์ริ่ง ระหว่างทริปสงกรานต์บนหลังอาน - เมษายน 2551)
ผมได้อ่านหนังสือเล่มนี้ของบินหลา หลังจากเขียนเรื่อง “จักรยานทางไกล...วัดใจใคร?” อยู่หลายเดือน เรื่องบางเรื่องเกิดขึ้นและรับรู้ต่างกรรม ต่างวาระกัน แต่ก็ให้ความคิดเดียวกันได้เช่นกัน หากคุณยังไม่ได้อ่านเรื่อง “จักรยานทางไกล...วัดใจใคร?”ของผม อยากจะให้ลองคลิกไปอ่านดูนะครับ ถึงแม้ว่าสะบัดสำนวนจะห่างชั้นกับบินหลาฯ แต่อย่างน้อยก็มีแนวคิดเดียวกันกับนักเขียนระดับรางวัลซีไรท์ผมก็เป็นปลื้มแล้วล่ะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น